วันพฤหัสบดีที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ไม้ยืนต้น:ปีบ

ต้นปีบ

ไม้ยืนต้น:ปีบ

ไม้ยืนต้น:ปีบ





ชื่อสามัญ  Cork Tree
ชื่อวิทยาศาสตร์  Millingtonia hortensis Linn.
ตระกูล BIGNONIACEAE
ชื่ออื่น กาชะลองคำ

ปีปเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่มีความสูงประมาณ 10-20 เมตร ผลัดใบ เรือนยอดเป็นพุ่มทรงกระบอก กิ่งก้านมักจะย้อยลง เปลือกสีน้ำตาลแตกเป็นร่องลึกตามยาวลำต้นอย่างไม่เป็นระเบียบ ใบประกอบแบบขนนก 2-3 ชั้น เรียงเวียน ช่อแขนงด้านข้างมี 3-5 คู่ ปลายคี่ เรียงตรงข้าม ใบย่อยแขนงละ 2-4 คู่ เรียงตรงข้าม ใบรูปไข่หรือรูปไข่แกมใบหอก กว้าง 2-3 ซม. ยาว 4-8 ซม. ปลายแหลม โคนใบมน ขอบใบหยักมนหรือเว้าเป็นคลื่นเล็กน้อย ดอกมีสีขาวหรือชมพู มีกลิ่นหอม ออกเป็นช่อแบบช่อกระจุกซ้อนตามปลายกิ่ง ช่อดอกขนาดใหญ่ ยาว 10-35 ซม. มีขน กลีบเลี้ยงมีขนาดเล็ก โคนติดกันเป็นรูปถ้วย ปลายแยก 5 แฉก ปลายมนกว้างม้วนลง เป็นหลอดยาวปลาย 4 แฉก มี 1 กลีบที่ปลายเป็น 2 แฉก ดอกบานเต็มที่กว้าง 3.5-4 ซม. ผลแห้งแตก เป็นฝักแบนและตรง สีน้ำตาล หัวท้ายแหลม กว้าง 1.5-2.3 ซม. ยาว 25-30 ซม. เมล็ดแบนมีปีกบาง

ประโยชน์



  • ดอกตากแห้งนำมาม้วนเป็นบุหรี่สูบ รักษาริดสีดวงจมูก 
  • มีสาร hispidulin มีฤทธิ์ในการขยายหลอดลมรักษาอาการหอบหืด 
  • สารสกัดจากใบที่สกัดด้วยเอทานอลสามารถยับยั้งการเจริญของคะน้าได้





วันพุธที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ไม้ยืนต้น:ประดู่

ต้นประดู่

ไม้ยืนต้น:ประดู่

ไม้ยืนตันประดู่





ชื่อสามัญ  Burma Padauk
ชื่อวิทยาศาสตร์  Plerocapus indicus.
ตระกูล    PAPILIONACEAE

ประดู่เป็นพรรณไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ผิวเปลือกลำต้นมีสีดำหรือเทาลำต้นเป็นพู แตกกิ่งก้านสาขากว้างมีเรือนยอดทึบ แตกเป็นสะเก็ดร่องตื้นๆ ใบเป็นช่อแตกจากปลายกิ่ง มีใบย่อยประกอบ 6-12 ใบ ลักษณะของใบเป็นรูปมนรีปลายใบแหลม โคนใบมน ขอบใบเรียบเป็นมันสีเขียว ใบมีขนาดยาว 2-3 นิ้ว กว้าง 1-2 นิ้ว ดอกเป็นช่อออกตามปลายกิ่ง ดอกมีขนาดเล็กสีเหลือง ผลมีขนเล็กๆ ปกคลุม ผลโต 4-6 เซนติเมตร


ประโยชน์

  • เนื้อไม้ ต้มกินแก้ไข้ เสมหะ เลือดกำเดาไหล 
  • ใบอ่อนใช้พอกแผลให้แห้งเร็ว 
  • แก้ผดผื่นคัน 
  • ยางไม้ แก้โรคท้องเสีย
  • ฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา ต้านมาลาเรีย และต้านอนุมูลอิสระ นอกจากนี้ยังมีการนำสารสกัดเมทานอลมาใช้เป็นสีย้อมในเครื่องสำอาง
ศึกษาพันธ์ไม้ชนิดอื่น >>คลิก<<

อ้างอิง:

  • http://www.thaigoodview.com/node/73103
  • http://www.sandalwood.9nha.com/pradoo.html


ไม้ยืนต้น:ชำมะเลียง

ต้นชำมะเลียง

ต้นชำมะเลียง
ต้นชำเลียง

ชื่อวิทยาศาสตร์ Lepisanthes fruiticosa
วงศ์ SAPINDACEAE
ชื่ออื่นๆ พุมเรียง ผักเต้า มะเถ้า มะเกียง หวดข้าใหญ่ โคมเรียง 

ต้นชำมะเลียงเป็นไม้ยืนต้นที่พบได้ทั่วประเทศไทยและเป็นพืชท้องถิ่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีความสูงประมาณ 4-7 เมตรเปลือกลำต้นเป็นสีน้ำตาลแตกเป็นร่องๆ ตามกิ่งอ่อนและยอดอ่อนมีขนสีน้ำตาล ขยายพันธุ์ได้ง่ายทนทานต่อโรคต่างๆและศัตรูพืช ใบประกอบแบบขนนก ใบย่อยเรียวยาว มีสีเขียวตลอดทั้งปี ดอกออกเป็นช่อที่กิ่งและต้น ดอกสีม่วง ติดผลช่วงกุมภาพันธ์ถึงเมษายน ผลกลมออกเป็นช่อ เมื่ออ่อนสีม่วง รสฝาด พอแก่เปลี่ยนเป็นสีดำ รสหวานอ่อนๆ

ประโยชน์

  • ผลใช้แก้โรคท้องเสียในเด็ก 
  • ทำน้ำผลไม้ 
  • ยอดอ่อนใช้เป็นผักจิ้มน้ำพริก 
  • รากเป็นยาแก้ไข้ 
  • แก้ร้อนใน 
  • แก้ไข้เหนือ 
  • แก้ท้องผูก 
  • แก้ไข้สันนิบาต 
  • แก้เลือดกำเดาไหล 
  • แก้ไข้พิษ 
  • แก้ท้องเสีย
  • แก้ไข้กาฬ 

ข้อควรระวัง

  • ผลถ้ารับประทานมากไปทำให้ท้องผูก

ศึกษาพันธ์ไม้ชนิดอื่น >>คลิก<<

วันอังคารที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ไม้ยืนต้น: จำปี

ต้นจำปี

จำปี
จำปี

ชื่อวิทยาศาสตร์ Michelia alba DC 
ชื่อสามัญ White Champaka
วงศ์ Magnoliaceae

จำปีเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ความสูงประมาณ10-20 เมตร ลำต้นสีน้ำตาลมีร่องรอยแตกถี่ๆกิ่งก้านหักง่าย ใบเดี่ยวเรียงสลับกันลักษณะของใบมีรูปรีปลายแหลมส่วนขอบใบจะเรียบความยาว 20 เซนติเมตร และความกว้าง 8 เซนติเมตร ไม่มีการผลัดใบมีดอกออกตามซอกใบสีของดอกเป็นสีขาวแคบเรียบ มี 8-12 กรีบ ยาว 4-6 เซนติเมตร มีกลิ่นหอม

ประโยชน์

  • ดอกแก้เป็นลม 
  • แก้ไข้ 
  • บำรุงหัวใจ 
  • ขับน้ำดี 
  • บำรุงโลหิต
  •  แก่นช่วยบำรุงประจำเดือน
  • ใบช่วยขับระดูขาวของสตรี
  • ใบใช้ต้มแก้หลอกลมอักเสบเรื้อรัง 
  • ใช้ปลูกเป็นไม้ประดับออกดอกทั้งปี
  • ดอกสรรพคุณของจำปี ดอกช่วยบำรุงน้ำดี 
  • สามารถทำให้เสื้อผ้ามีกลิ่นหอมได้โดยการใช้ดอกจำปีร่วมอบผ้า
  • ดอกจำปีใช้แต่งกลิ่นเครื่องสำอาง

ศึกษาพันธ์ไม้ชนิดอื่น >>คลิก<<





ไม้ยืนต้น: จำปา

ต้นจำปา

ต้นจำปา
ต้นจำปา

ชื่อวิทยาศาสตร์  Michelia champaca Linn.
ชื่อวงศ์  MAGNOLIACEAE
ชื่อสามัญ  Champaca
ชื่ออื่นๆ จัมปา จำปากอ จำปาเขา จำปาทอง  จำปาป่า มณฑาดอย

ไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงใหญ่ความสูงประมาณ 15-30 เมตร ส่วนลำต้นมีลักษณะตรง เส้นควั่นเป็นรอยและมีตุ่มเล็กๆ ทรงพุ่มโปร่งเป็นรูปกรวยคว่ำ แตงกิ่งจำนวนมากตรงยอด เปลือกสีเทาอมขาว มีกลิ่นฉุน ใบเป็นใบเดี่ยว ใบกว้างประมาณ 5 นิ้ว  ยาวประมาณ 10 นิ้ว รูปรีแกมขอบขนานกว้าง 4-10 เซนติเมตร ยาว 10-25 เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบสอบ เนื้อใบบาง ใบอ่อน มีขน ใบแก่เกลี้ยง เส้นใบ 16-20 คู่ ก้านใบยาว 2-4 เซนติเมตร โคนก้านใบป่อง มีดอกออกตามซอกใบใกล้ปลายกิ่ง ผลเกิดเป็นกลุ่มๆยาว 6-9 เซนติเมตรเปลือกหุ้มเมล็ดสีแดงเมล็ดแก่ในช่วงฤดูแล้ง


ประโยชน์
  • กระพี้ถอนพิษผิดสำแดง
  • แก้ไข้ เปลือกต้นฝาดสมาน ทำให้เสมหะในลำคอเกิด
  • ใบช่วยแก้แก้ป่วงของทารกและโรคเส้นประสาทพิการ 
  • เนื้อไม้บำรุงโลหิต
  • รากขับโลหิตสตรีที่อยู่ในเรือนไฟให้ตก
  • ดอกแก้วิงเวียนอ่อนเพลีย หน้ามืดตาลาย บำรุงหัวใจ กระจายโลหิต
  • เปลือกราก เป็นยาถ่าย ทำให้ประจำเดือนมาปกติ รักษาโรคปวดตามข้อ
ศึกษาพันธ์ไม้ชนิดอื่น >>คลิก<<



ไม้ยืนต้น:จันทร์กะพ้อ

จันทร์กะพ้อ

ต้นจันทร์กะพ้อ
ต้นจันทร์กะพ้อ


ชื่อวิทยาศาสตร์ Vatica diospyroides Symington 
วงศ์ DIPTEROCARPACEAE
ชื่ออื่นๆ  จันทน์พ้อ  จันพอ เขี้ยวงูเขา

จันทน์กะพ้อเป็นไม้ต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลาง (สูงประมาณ 5 - 15 เมตร) ต้นค่อนข้างตรง เปลือกเกลี้ยง เรือนยอดเป็นพุ่มรีหรือกว้างใบเป็นใบเดี่ยว รูปรียาว ขนาดยาว 7 - 9 เซนติเมตร กว้าง 2 - 3 เซนติเมตร สีเขียวเข้ม เรียงตัวแบบเวียนไปตามกิ่งห่างๆ กัน ดอกออกตามกิ่งเป็นช่อเล็กๆ ทยอยบานครั้งละ 1 - 2 ดอก แต่มักจะมีช่อหลายช่อเป็นกระจุกและเรียงเป็นระยะๆ ตามกิ่งดอกขนาด 1.2-1.5 เซนติเมตร กลีบเลี้ยงมีขนสีน้ำตาลกลีบดอกเรียงเวียนซ้อนเกยกันเล็กน้อย ด้านในสีขาวนวลหรืออมชมพู ด้านนอกมีแถบแคบๆ มีขนละเอียดสีน้ำตาลอมแดง กลิ่นหอมแรง ออกดอกในช่วงเดือนมกราคม-เมษายน


ประโยชน์

  • ใช้ปลูกเป็นไม้ประดับ 
  • ดอกสามารถนำดอกมาปรุงเป็นยาหอม 
  • แก้ลม 
  • บำรุงหัวใจ

ศึกษาพันธ์ไม้ชนิดอื่น >>คลิก<<


ไม้ยืนต้น:จันทร์กะพ้อ

จันทร์กะพ้อ

ต้นจันทร์กะพ้อ
ต้นจันทร์กะพ้อ


ชื่อวิทยาศาสตร์ Vatica diospyroides Symington 
วงศ์ DIPTEROCARPACEAE
ชื่ออื่นๆ  จันทน์พ้อ  จันพอ เขี้ยวงูเขา

จันทน์กะพ้อเป็นไม้ต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลาง (สูงประมาณ 5 - 15 เมตร) ต้นค่อนข้างตรง เปลือกเกลี้ยง เรือนยอดเป็นพุ่มรีหรือกว้างใบเป็นใบเดี่ยว รูปรียาว ขนาดยาว 7 - 9 เซนติเมตร กว้าง 2 - 3 เซนติเมตร สีเขียวเข้ม เรียงตัวแบบเวียนไปตามกิ่งห่างๆ กัน ดอกออกตามกิ่งเป็นช่อเล็กๆ ทยอยบานครั้งละ 1 - 2 ดอก แต่มักจะมีช่อหลายช่อเป็นกระจุกและเรียงเป็นระยะๆ ตามกิ่งดอกขนาด 1.2-1.5 เซนติเมตร กลีบเลี้ยงมีขนสีน้ำตาลกลีบดอกเรียงเวียนซ้อนเกยกันเล็กน้อย ด้านในสีขาวนวลหรืออมชมพู ด้านนอกมีแถบแคบๆ มีขนละเอียดสีน้ำตาลอมแดง กลิ่นหอมแรง ออกดอกในช่วงเดือนมกราคม-เมษายน


ประโยชน์

  • ใช้ปลูกเป็นไม้ประดับ 
  • ดอกสามารถนำดอกมาปรุงเป็นยาหอม 
  • แก้ลม 
  • บำรุงหัวใจ